เงื่อนไขและข้อตกลง 
Data Center 
วิธีการสั่งซื้อ Domain Hosting 
ข้อมูล Server 
Server
E-commerce / Social / Application
Domain Names
จำหน่าย คอมพิวเตอร์ Server
Management
บริการจัดทำเว็บไซต์
บริการจัดทำเว็บไซต์ E-Commerce
สิ่งที่ท่านจะได้เมื่อทำเว็บ E-Commerce กับเรา
- เว็บไซต์ระบบ e-commerce มีระบบจัดการสินค้า ดูรายการสั่งซื้อ
- Account Line@ สำหรับใช้ติดต่อกับลูกค้า
- Account Facebook Fanpage ช่วยกระจายข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าของท่านให้กว้างขวาง เป็นที่รู้จักมากขึ้น
- Application ที่แสดงเว็บไซต์ผ่านมือถือ รองรับทั้งระบบ Andiod และ iOS
ทั้งนี้ลูกค้าสามารถเลือก ที่จะไม่ทำข้อใดข้อหนึ่งได้จาก Package นี้ ทางเราจะลดในส่วนของค่าบริการตามปริมาณงานที่จัดทำ เช่น หากท่านมี Fanpage อยู่แล้ว อยากทำแค่ เว็บไซต์ หรืออยากทำแค่อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ก็สามารถแจ้งความต้องการเข้ามาได้ ทางเรายินดีให้บริการ
สนใจบริการ จัดทำเว็บ E-Commerce ติดต่อได้ที่ฟอร์มด้านล่าง หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 0-2704-8886 ทางอีเมล์ [email protected]
ขายสินค้าผ่าน Fanpage อยู่แล้ว ทำไมยังต้องเสียเงินทำเว็บไซต์ E-Commerce อีก?
หลายคนสงสัย ว่าทำไมเราถึงยังจะต้องเพิ่มต้นทุนให้ตัวเองอีก เพื่อมาจัดทำเว็บไซต์ ทั้งๆที่เราก็โพสต์ขายสินค้า รับออเดอร์จากลูกค้าผ่านทาง Fanpage Facebook อยู่แล้ว แถมยังไม่มีค่าบริการด้วย (กรณีที่ไม่ได้ทำโฆษณากับทาง Facebook)
หากท่านขายสินค้าออนไลน์เป็นรายได้หลัก เราขอยกเหตุผลถึงความจำเป็นบางส่วนมานำเสนอ เพื่อให้ท่านเห็นภาพดังนี้
แสดงถึงความน่าเชื่อถือของผู้ขายสินค้า
เนื่องจาก หากท่านต้องการจะมีเว็บไซต์ ท่านจะต้องมีการลงทะเบียนเพื่อขอใช้บริการกับทางผู้ให้บริการ ซึ่งหากมองในแง่ที่ว่าเราเป็นลูกค้า หากผู้ขายมี Fanpage อย่างเดียว กรณีเกิดปัญหาขึ้น แล้วเจ้าของเพจปิดเพจหนีหายไป เราจะไม่สามารถติดตามได้เลย แต่กรณีหากเค้ามีเว็บไซต์ เราสามารถติดต่อหาข้อมูล ได้จากข้อมูลที่เค้าไปลงทะเบียนจดชื่อเว็บไซต์ได้
หากเรามีเว็บไซต์เราสามารถไปยื่นขอจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำ Logo ที่ได้รับรองจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มาใส่ไว้ที่เว็บเราทำให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้นไปอีกด้วย
ประโยชน์ต่อการทำ SEO
เพื่อให้การค้นหาที่ Search engine ต่างๆ โดยเฉพาะ Google ได้ผลดีนั้น เราควรจะต้องมีเว็บไซต์ด้วยมากกว่าที่เราจะมี Fanpage อย่างเดียว ลองทดสอบง่ายๆหากเราค้นหาสินค้า สักชิ้นหนึ่งที่ Google ส่วนใหญ่ผลของการค้นหา ที่แสดงในหน้าแรกของ Google จะแสดงเป็นชื่อเว็บมากกว่าที่จะแสดงเป็น Link ของ Fanpage เนื่องจากการทำเว็บไซต์ มีเครื่องมือช่วยมากมายที่จะทำให้เว็บไซต์ของเราถูกค้นหาจาก Google ได้มากขึ้น
หากเราทำการตลาดออนไลน์ด้วย Google Adwords ปัญหาที่เราจะเจอหากเราไม่มีเว็บไซต์คือ ไม่สามารถทำ Conversion Tracking หรือติดโค้ดเพื่อทำ Google Analytics ได้ หรือทำ Remarketing ไม่ได้ และการทำโฆษณาที่ Google ราคาสำหรับผู้ค้นหาที่มากด Link ของเรา หรือที่เราเรียกว่า "ค่าคลิ้ก" จะแพงกว่า Link ที่เป็นเว็บไซต์หลายเท่าตัว และสุดท้าย ค่าของ Quality Score ของ Fanpage จะต่ำกว่าของเว็บไซต์มาก
เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายได้มากกว่า
ปฏิเสธไม่ได้ว่าถึงแม้ในประเทศไทย จะมีคนที่เล่น Facebook มากอยู่เป็นอันดับต้นๆของโลก แต่ก็มีคนไทยอีกจำนวนไม่น้อยเเช่นกันที่ไม่ได้เล่น Facebook หากเรามี Fanpage อย่างเดียว ลูกค้ากลุ่มนี้จะเข้าถึงสินค้าของเราได้ยากขึ้น เพราะจะไม่สามารถพิมพ์ข้อความสอบถาม หรือ แสดงความคิดเห็นใดๆได้ และหากเราโพสต์สินค้าใหม่ๆลงไป คนกลุ่มนี้ก็ไม่สามารถรับรู้ ความเคลื่อนไหวใดๆได้เลย นอกจากจะเข้ามาดูหน้า Fanpage เราทุกวัน ซึ่งคงเป็นไปได้ยาก อีกทั้งยังไม่สามารถค้นหาข้อมูลของสินค้าที่เราเคยโพสต์ไปก่อนหน้าหลายวันได้ ต้องเลื่อนลงไปดูทั้งหมด เกิดความไม่สะดวกเป็นอย่างมาก
การมีเว็บไซต์ E-Commerce หากเราต้องการดูสินค้าตัวใหน ก็กดพิมพ์หาที่ช่อง Search ของเว็บได้เลย แถมยังกดสั่งซื้อออนไลน์ เลือกวิธีการชำเงิน เลือก/ระบุที่อยู่จัดส่งได้ทันที
มีสิทธิ์ความเป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์
Fanpage หรือ Account Facebook ที่เราสร้างขึ้นมานั้น คงไม่มีไครสามารถรับประกันได้ว่าวันใดวันนึงมันจะไม่หายไป ด้วยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง เช่น โดนคู่แข่งแกล้งโดยการแจ้งลบเพจ โดนแฮค Account ไม่สามารถ Login ได้ หรือ Facebook มีการอัพเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่อาจส่งผลให้การใช้งานของเราบางอย่างโดนกระทบ เป็นต้น ซึ่งเราไม่สามารถไปคัดค้าน หรือเรียกร้องสิทธิ์ขอข้อมูลของเราคืนมาได้เลย
แต่เว็บไซต์ สิทธิ์ของข้อมูลต่างๆที่เราเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์เป็นของเราโดยสมบูรณ์ สามารถ Backup เก็บไว้ได้เองตลอดเวลา กรณีข้อมูลเกิดการสูญหายอันเนื่องมาจากข้อผิดพลาดจากผู้ให้บริการ เรามีสิทธิ์ในการร้องขอข้อมูลที่ทางผู้ให้บริการมีเก็บสำรองไว้ได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ หรือตามข้อตกลงก่อนใช้บริการ
เหล่านี้เป็นเหตุผลเบื้องต้นที่นำมาให้พิจารณาถึงข้อดีในการจัดทำเว็บไซต์ E-Commerce สำหรับการขายสินค้าออนไลน์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การมีเว็บไซต์อย่างเดียวก็อาจจะยังไม่ตอบโจทย์การเข้าถึงลูกค้าได้เท่าที่ควร เราควรจะทำระบบอื่นๆควบคู่ไปด้วย ดังจะกล่าวถึงในหัวข้อต่อๆไป ถึงข้อดีต่างๆในการทำ ไม่ว่าจะเป็น Fanpage, Line@ หรือ Application Andiod & iOS
เพิ่มโอกาส ขยายฐานลูกค้า ด้วย Facebook Fanpage ช่องทางดีๆ สำหรับผู้ขายสินค้าออนไลน์
ปัจจุบัน Facebook เรียกได้ว่าเข้ามาอยู่ในส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เปรียบเสมือนเป็นประเทศหนึ่งที่คนทั่วโลกรู้จัก มีประชากรในประเทศนี้อยู่เป็นจำนวนมาก อาจถึงขั้น ใหญ่ติดอันดับ 1 ในสามของโลก มีการพูดคุย แลกเปลี่ยน ซื้อ-ขาย ติดต่อกันระหว่างคนในประเทศนี้ได้โดยง่ายดาย เพียงแค่คุณมีอินเตอร์ใช้งาน
คำว่า Fanpage นั้น หากจะนิยาม ก็จะเปรียบเสมือนเป็น บ้าน, องค์กร หรือร้านค้า ที่ประชากรในประเทศ Facebook สร้างขึ้นมา เพื่อนำเสนอตัวตน, แนะนำองค์กรของตน หรือลงข้อมูลสินค้าที่ต้องการขาย ให้ทุกคนทั่วโลกได้รู้จัก เห็นข้อมูลได้ แม้ว่าคนคนนั้นอาจจะไม่ได้เป็นสมาชิกของ Facebook ก็ตาม
การทำ Fanpage ช่วยให้เรารู้จักกับกลุ่มบุคคลที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน ซึ่งก็คือตัวสินค้าที่เรานำเสนอ โดยผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า "Like" ช่วยให้เรากระจายสินค้าของเราให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ด้วยสิ่งที่เรียกว่า "Share" ช่วยให้เราติดต่อพูดคุยได้โดยตรงกับลูกค้าแบบ Real Time ด้วยตัว "Messenger" ให้เราได้รับฟังข้อเสนอแนะ ติ-ชมสินค้า ด้วยการ "comment" เหล่านี้เป็นสิ่งที่มีความจำเป็น และเป็นประโยชน์สำหรับเราเป็นอย่างมากในการที่จะนำมาพัฒนาสินค้า-บริการของเรา เพื่อเพิ่มยอดขายให้ได้มากยิ่งขึ้น
ในแง่ของ SEO การมี Fanpage จะช่วยเพิ่มทราฟฟิกของเว็บไซต์หลักเรา ส่งผลให้การค้นหาเว็บไซต์ของเราที่ Search Engine ต่างๆ เช่น Google มีอันดับดีขึ้นเป็นอย่างมาก
LINE@ คืออะไร? แล้วมันต่างกับ LINE ที่เราใช้กันอยู่อย่างไร ทำไมถึงต้องใช้ LINE@ อีก?
LINE เป็นบริการเพื่อการสื่อสารในลักษณะการ Chat หากันระหว่าบุคคล หรือกลุ่มบุคคล ปัจจุบัน มี Application ในลักษณะนี้ออกมาให้ใช้งานได้ฟรีๆหลายตัว แต่สำหรับประเทศไทย ถือได้ว่า LINE เป็น Application ที่คนไทยนิยมใช้มากเป็นอันดับ 1
LINE@ เป็นบริการส่วนหนึ่งของ LINE ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ในการติดต่อสื่อสารกับกลุ่มบุคคลเป็นจำนวนมาก ในลักษณะทางธุรกิจ ต่างกับ LINE ที่เรามักจะ ใช้ Add กับกลุ่มบุคคลที่เรารู้จักเป็นการส่วนตัว ที่จำกัดการเพิ่มเพื่อนไว้ที่ 5,000 คน แต่ LINE@ เราสามารถ Add ผู้ติดต่อได้ไม่จำกัด
คุณสมบัติหนึ่งที่สำคัญของ LINE@ ที่มีประโยชน์สำหรับธุรกิจ ในการการพูดคุยโต้ตอบกับลูกค้า ที่เห็นได้ชัดในความต่างกันระหว่าง LINE@ และ LINE คือ หากเรามี LINE@ เราสามารถ แจ้งข่าวสาร หรือข้อมูลอะไรก็ตามเพียงครั้งเดียวก็จะ Follower ถึงทุกคน ที่ Add LINE@ ของเรา เรียกว่า Broadcast Message (ส่งข้อความได้อย่างเดียว) หรือ Rich Message (มีฟังก์ชั่นพิเศษ สามารถส่งรูปขนาดใหญ่และข้อความเข้าด้วยกัน รวมถึงยังสามารถแทรกลิงค์เข้าชมเว็บไซต์ได้ด้วย) ซึ่งต่างจากการสร้าง Group โดยสิ้นเชิง ในแง่ที่หากผู้ติดตามต้องการโพสต์โต้ตอบ สอบถามเกี่ยวกับข้อมูลที่เราแจ้งผ่าน LINE@ จะมีเพียงเราคนเดียวเท่านั้นที่เห็นข้อความ ลักษณะ Chat 1 ต่อ 1 เหมือนเราคุย Chat ปรกติ ซึ่งหากเป็น Goup LINE ทุกคนใน Group จะเห็นข้อความที่ทุกคนพิมพ์ทั้งหมด
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อีกมากมายที่ LINE@ จัดทำมาเพื่อให้เราได้ใช้งานที่เป็นปะรโยชน์ ขอยกมาบางข้อ เช่น
- Greeting Message : สามารถตั้งข้อความเพื่อให้แสดงเหมือนเป็นข้อความต้อนรับเพื่อนใหม่ที่ Add เรามา ให้เค้าได้เห็น
- Auto-Reply : สามารถตั้งค่าการตอบกลับแบบอัตโนมัติได้
- Keyword-Reply : สามารถตั้งค่า Keyword กรณีผู้ติดตามถามคำถามที่มีข้อความตรงกับ Keyword ที่เราตั้งไว้ ก็ให้ตอบคำถามนั้นโดยอัตโนมัติทันที ช่วยให้เราไม่ต้องตอบคำถามที่ซ้ำๆกัน
- Poll & Survey : มีเทมเพลตสำหรับสร้างแบบสอบถามออนไลน์ได้
- Coupon & Promotion : สามารถ สร้าง E-Coupon หรือโปรโมชั่นต่างๆ ได้โดยง่ายเพียงใส่ภาพและเขียนเงื่อนไขการใช้งาน
- Statistics : สามารถดูจำนวนคนที่ Follow หรือ Block เราได้
- Multi-Admin : สามารถเพิ่ม admin สำหรับคอยตอบคำถามลูกค้าที่ Chat มาที่ LINE@ เราได้มากกว่า 1 คน
ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่เราจะ มี LINE@ ได้นั้น เราก็ยังจำเป็นที่จะต้องมี LINE Account หลักที่เป็นของเราด้วย หากเราลบ LINE หลักที่ใช้สร้าง LINE@ ออก ก็จะส่งผลให้ LINE@ ถูกลบออกไปด้วยอัตโมัติ
ความสำคัญของการการมี Mobile Application
ทุกวันนี้คงต้องยอมรับว่าโทรศัพท์มือถือที่เป็น SmartPhone สามารถหาซื้อได้ง่ายๆ มีขายทั่วไปในราคาตั้งแต่หลักร้อย จนถึงหลักหมื่นบาท เรียกได้ว่าโทรศัพท์มืออาจกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ที่มนุษย์เราจะขาดไปไม่ได้กันเลยทีเดียว เพราะมันเป็นอุปกรณ์ที่อยู่ติดตัวเราตลอดจุดนี้เอง การที่จะหยิบขึ้นมาใช้งานจึงสามารถทำได้ตลอดเวลา ทุกสถานที่ที่เราสามารถเข้าถึง Internet ได้
โดยปรกติหากเราต้องการจะเข้าชมเว็บไซต์ผ่านทางมือถือนั้น เราสามารถเข้าดูได้โดยพิมพ์ชื่อ URL ของเว็บไซต์ลงในเบราเซอร์ ที่ติดตั้งอยู่ในมือถือของเราได้เลย ไม่ต่างกับการเข้าผ่านทางเครื่องคอมพิวเตอร์ PC แต่หากเว็บไซต์ของเราไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับการแสดงผลผ่านอุปกรณ์อื่นๆที่นอกเหนือจากคอมพิวเตอร์ หรือที่เรียกว่า Responsive Web Design จะส่งผลให้การแสดงข้อมูลของเว็บไซต์เรามีความผิดเพี้ยน ไม่สวยงาม และเนื้อหาอาจตกหล่นได้
การสร้าง Mobile Application เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ของเรา มีส่วนช่วยให้การเข้าถึงข้อมูล หรือสินค้าที่เราต้องการนำเสนอ ได้ง่าย และรวดเร็วมากขึ้นไม่ต้องเสียเวลาเข้าไปพิมพ์ URL ของเว็บไซต์ที่เบราเซอร์ทุกครั้ง แค่ติดตั้งเพียงครั้งแรกครั้งเดียว ก็สามารถใช้งานได้เพียงกดที่ Icon ของ App ที่หน้าจอมือถือเราได้เลยเช่นเดียวกับ App อื่นๆ การแสดงผลหน้าเว็บไซต์มีความครบถ้วนสมบูรณ์ สวยงาม ตรงตามที่ออกแบบ รวมถึงระยะเวลาในการโหลดข้อมูลจะเร็วกว่าการเข้าผ่าน เบราเซอร์ปรกติ
การมี Mobile Application ของเว็บไซต์ ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือให้ลูกค้าได้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น มีส่วนช่วยในการที่จะใช้สนับสนุนภาพลักษณ์ขององค์กรหรือร้านค้าเรา ให้มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับองค์กรหรือร้านค้าอื่นๆที่มีเพียงเว็บไซต์อย่างเดียว
สนใจบริการ จัดทำเว็บ E-Commerce ติดต่อได้ที่ฟอร์มด้านล่าง หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 0-2704-8886 ทางอีเมล์ [email protected]